วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

หว่านพืช – หวังผล บ้างก็ได้

สยามรัฐ 28 ส.ค. 2552

ช่วงนี้จะเห็นว่าหลายต่อหลายประเทศเริ่มมีความหวัง ตั้งแต่ญี่ปุ่นที่ตัวเลขเศรษฐกิจฟื้นกลับเป็นบวกก่อนหน้านี้ จนมาถึงย่านเอเชีย อย่าง เวียดนามและอินโดนีเซีย

เวียดนามนั้นเป็นคู่แข่งของไทยยาวนาน แล้วก็เถียงกันมาตลอดในหมู่ของนักวิชาการว่า “นำหน้าไทยไปแล้ว” บ้างก็ว่า “ยังห่างชั้นนัก”

แม้จะเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกอย่างมาก และสินค้าส่งออกก็หน้าตาละม้ายคล้านเราอย่าง “ข้าว” อีก ที่แม้ตอนนี้จะเป็นรองไทยนิดหน่อยและก็มีแววตามทันได้ไม่ยาก ที่สำคัญ GDP เวียดนามที่ว่าต่ำ ก็ยังไม่เคยเติบโต ติดลบ กลับพุ่งสูงถึง 4.5 % แพ้อินโดเนียเซียแค่อึดใจ

ทีนี้มาดูเบอร์ 1 ในเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ที่ถือว่าเป็นม้าต้นปลายและเคยเกือบแย่ อย่างอินโดนีเซีย แปลกแต่จริง ที่สถานการณ์พลิกกลับอย่างดีเหลือเชื่อ เงินเฟ้ออินโดนีเซีย ก็ชะลอลง เงินรูปเปียะห์ก็ไม่ผันผวนจนทำให้ GDP ขยายตัวสวนทางเพื่อนๆ โตได้ถึง 4.5%

เหตุผลสำคัญที่อินโดนีเซียอยู่ได้อย่างดี เพราะแม้ในช่วงเศรษฐกิจแย่รัฐบาลก็ยังทุ่มเงินงบประมาณแบบไม่อั้นในการผุดโครงการเมกกะโปรเจ็ค ถึง 6,500 ล้านเหรียญ รวมทั้งกระตุ้นการบริโภคภายในไปพร้อมกัน

วิธีการแบบนี้ใช้ได้ผลมากับหลายประเทศในอดีต ที้ต้องกัดฟันเดินหน้า และเริ่มโครงการต่อเนื่องให้ได้ เพราะนั้นหมายความว่า “รัฐบาลมั่นใจมาก” ว่าเศรษฐกิจจะเดินได้ และนี่จะถึง “ความมั่นใจของเอกชน” ตามมา จากนั้นการจ้างงานก็จะขยายตัว เงินและสินค้า ในระบบก็จะหมุนเวียนตามวิถีทางของมัน “รัฐหยุดลงทุนไม่ได้”!! (หว่านพืช เพื่อหวังผล : จนแต่ก็จำเป็น)

พี่ไทยล่ะค่ะ เลื่อน....รอ....และเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ทะเลาะตัดขา “ฉันไม่ได้ แกก็ต้องไม่ได้” กว่ารัฐจะเริ่มเดินหน้าลงทุนได้สงสัยจะได้ “รัฐบาลใหม่” เป็นผู้ลงมือ !! (ความแน่นอนคือ ความไม่แน่นอน) นั้นย่อมหมายความว่า ความเปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์ !!


(ทิชา สุทธิธรรม)
**************************************

เพื่อนกิน (เหล้า) , เราห่าง

สยามรัฐ 27 ส.ค. 2552

“สิ่งสำคัญอีกอย่าง คือ เรื่องเพื่อน คือ เราจะต้องเลิกคบเพื่อนที่กินเหล้า มิเช่นนั้นเราก็จะเลิก
กินเหล้าไม่ได้ เพราะเพื่อนกินเราก็ต้องกิน”
“ดังนั้น เราต้องเปลี่ยนมาคบเพื่อนที่ดี ที่ไม่กินเหล้า และเป็นเพื่อนที่จะนำเราไปสู่ความเจริญ”
(พระครูปลัดสิทธิวัฒน์: หลวงพี่น้ำฝน)


“One of the most important thing is, we have to stay away from the friend who drink alcohol. Because when they drink, you may have to drink to get along well wit them.
So, try to take up with a good friend who doesn’t drink and that one will lead you to
the right way.”
( ทิชา สุทธิธรรม )
Twitter@Ticha4tv
***************************************

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ดื่มเหล้า หลอกใจ ว่าหายทุกข์

สยามรัฐ 25 ส.ค. 2552

“สาเหตุที่ทำให้คนชอบกินเหลานั้นก็คือ “การติดในความสุข” คือ เมื่อกินเหล้าเข้าไปแล้ว
ความคิดต่างๆ ของสมองก็จะลดลง ทำให้ลืมเรื่องต่างๆ ที่เคยทำให้ทุกข์ใจมาก่อนได้ แต่ใน
ความจริงแล้วลืมไม่ได้ พอหายเมาเรื่องทุกข์มันก็กลับมาเหมือนเดิม”
(พระครูปลัดสิทธิวัฒน์: หลวงพี่น้ำฝน)


“The reason to make people drink alcohol is “addicted to happiness” . The more they
drink , the less quality the brain work . The might feel as if they forget all the sadness
which is not true in reality. When they get recover from getting - drunk, the sadness
remains”.
( ทิชา สุทธิธรรม )
Twitter@Ticha4tv
***************************************



แพะรับบาป

สยามรัฐ 24 ส.ค. 2552

เหตุการณ์ดีๆ ในเชิงความสัมพันธ์ทางการฑูตที่เพิ่งจะเกิดขึ้นแบบช็อกสายตา คอการเมืองต่างประเทศไม่น้อย นั่นคือ กรณี สว. สหรัฐ จิม เวบบ์ที่ถูกส่งตรงมาเพื่อเจรจา กับ พล.อ. อาวุโสตานฉ่วย เรื่องของฝรั่งเจ้าปัญหา นายจอห์น เย็ตเตอร์ ที่เหมือน โชคดีมาโปรด

ก่อนหน้านี้ นายคนนี้ ดันทะเล่อทะล่า ว่ายน้ำ เข้าไปในบ้านพักของนาง อองซาน ซูจี ผู้นำการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยของพม่า ที่ “ซวย” และ “งานเข้า” ผิดที่มาตลอด ผลคือ นางซูจี ถูกยืดเวลาการถูกกับบริเวณต่อ นายเย็ตเตอร์ ซึ่งตอนแรกถุกตั้งข้อหา และอาจได้รับโทษจำคุก 7 ปี หรือ ไม่ก็ถูกทางการพม่าลงโทษ โดยใช้แรงงาน (ผลของกรรม = ผลของการกระทำ)

แต่ลีลา “สาลิกาลิ้นทอง” ขั้นเซียนของ จิม เวบป์ นั้น กลับสามารถคลี่คลาย และละเว้นโทษให้นาย เย็ตเตอร์ แถมได้บินกลับอเมริกา ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ (มธุรสวาจา)

คนที่ต้อง “ชดใช้” ในสิ่งที่คุณฝรั่งทะลึ่งทำไว้ (จะด้วยการเตรียมการหรือไม่เจตนาก็ตาม) ก็คือ นางซูจี ที่ต้องถูกกับบริเวณต่อไปอีก และเชื่อแน่ว่าถ้าถึงกำหนดปีครึ่งก็อาจมี “เหตุ” ให้นางต้อง ถูกกักออกไปอีก ซึ่งยังไม่รู้ว่าเหตุการณ์นั้นจะคืออะไร เป็น “แพะ” ซ้ำซาก

พูดง่ายๆ กับแค่ฝรั่งคนเดียว พม่าก็คง “หยวนๆ” ให้อเมริกา ดีกว่าสร้างความเกลียดชัง จนต้องถูกมติ “คว่ำบาตร” ไม่รู้จบ แต่วิธีของอเมริกาคงแยกยลกว่า เพราะตอนนนี้กำลังตั้งท่า “รอกล่อม” พม่าอีกรอบขอให้ปล่อยตัวนักเคลื่นไหวประชาธิปไตย รวมถึงนางซูจี ด้วย

แม้ทุกอย่างต้องใช้เวลา ก็ถือว่า “น่าจับตา” เพราะ “พม่า” จะ เอาด้วยมั้ย ถ้าเอา ก็หมายถึง การเลือกตั้งครั้งต่อไป รัฐบาลทหารพม่ามีสิทธิ์ พ่าย แก่ นางซูจี แต่ถ้าไม่เอาด้วย พม่าก็อาจจะต้อง “โดดเดียว” ต่อไป พม่า ถือเป็น “เซียน” รุ่นใหญ่ ต่อให้ Home Alone แค่ไหน ก็คงไม่ Home Sick !! ด้วย “อัตตา” อันยากยิ่งที่จะยอมฟังใคร !!


(ทิชา สุทธิธรรม : Twitter@Ticha4tv)
**************************************

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ญี่ปุ่นเริ่มดี แต่ยังมีห่วง

สยามรัฐ 21 ส.ค. 2552

เป็นข่าวดีสำหรับเศรษฐกิจญี่ปุ่น เมื่อเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP ขยับบวกขึ้นมาครั้งแรกหลังติดลบมาถึง 5 ไตรมาส ที่ 0.9% ไ ม่มากไม่มาย แต่ก็ต้องยกนิ้วให้ ถ้าไปดูไตรมาสแรกยังดิ่งลบลงไปถึง 3.1%

ทาโร่ อาโสะ ได้มีโอกาสยิ้มกว้างได้บ้างและพูดถึงสัญญาณการฟื้นตัวว่าเริ่มกลับมา แต่ช้าก่อน ลองแถลงไขกันทีละประเด็นเป็นไงค่ะ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก หลักๆก็รถยนต์ยี่ห้อดังๆ ทั้งหลาย โตโยต้า , ฮอนดา, นิสสัน, มิตซูบิชิ นัยว่า การฟื้นกลับมาบวกของ GDP มาจากยอดคำสั่งซื้อจากประเทศคู่ค้า ซึ่งฟื้นตัวไปก่อน อีกอันหนึ่งชัดๆ สำหรับผู้ซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิคส์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นอย่างจีน กระโดดมาช่วยอุ้มไว้ก็ส่วนหนึ่ง (เพราะจีนกระตุ้นในการบริโภคในประเทศเหลือเกิน)

อีกอันหนึ่งมาจาก การกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเอง 25 ล้านล้านเยน (ที่มีน้ำหนักที่สุด ต่อการฟื้นตัว) ต้องบอกว่ามาเป็นซีรี่ส์ จนเงินคลังของประเทศพร่องถึงขนาด ทาโร่ อาโสะ ถูกประชาชนปรามาส จนคะแนนดิ่งฮวบ.....น่าสงสาร

ลองเปรียบเทียบดู ตอนนี้ทั้ง สิงคโปร์ เยอรมนี ฝรั่งเศส ฮ่องกง ต่างพ้นปากเหวถดถอยจากตัวเลขที่ฟื้นตัวก็จริง แต่ก็เป็นเหตุผลคล้ายกับญี่ปุ่น คือ ฟื้นจากการกระตุ้นของภาครัฐ ฟื้นจากยอดนำเข้าที่ลดลง (ซึ่ง คือ การประหยัดจนไม่อยากนำเข้าถ้าไม่จำเป็น) หรือการช่วยสั่งซื้อจากจีนและอินเดียซึ่งไม่เดือนร้อน

ทั้งหลายทั้งปวงก็ยังไม่เห็นว่าญี่ปุ่นหรือประเทศเหล่านี้จะยืนได้อย่างเสถียร แบบอยู่ตัวแท้จริงเลย ทุกสิ่งที่เคยวาดว่า “ฟื้น” เลยต้อง Wait and see ไปอีกหลายเดือน

ยิ่งถ้าเสาหลักนักบริโภคตัวเบิ้มของระบบเศรษฐกิจโลกอย่างสหรัฐยังไม่ออกอาการ บัวพ้นน้ำ - ถ้ำเจอแสง แล้วละก็ อย่าเพิ่งกล้าจะฟันธงอะไรกันไป เพราะก็เพิ่งทำใจกันหมาดๆ ที่ธนาคารที่ให้สินเชื่อภาคอสังหารายเขื่องอย่าง โคโลเนียล แบงก์กรุ๊ป อิงค์ ก็เพิ่งปิดตัวไป พระพุทธเจ้าตรัสว่า “อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น” ยิ่งคิดฝันให้เป็น ยิ่งไปกันใหญ่ !! (อันนี้พูดเองค่ะ)

(ทิชา สุทธิธรรม : Twitter@Ticha4tv)
**************************************

โจรภัย ไม่ร้ายเท่า ผีพนัน

สยามรัฐ 20 ส.ค. 2552

“ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี การจี้ชิงทรัพย์มีขึ้นทุกวัน โจรกลุ่มนี้ยังพอป้องกันได้ ถ้าไม่ประมาท

แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าโจรภัย ก็คือ โจรกรรมแห่งอารมณ์ที่ฟุ้งซ่าน โจรชนิดนี้ไม่มีตัวตน

ดังคำพูดที่ว่า “ผีพนันเข้าสิง” ผีตัวนี้ เมื่อเข้าสิงผู้ใดแล้ว อาจารย์ที่ไหนก็แก้ไม่ได้ ร้ายยิ่งกว่าโจร”
(พระครูปลัดสิทธิวัฒน์: หลวงพี่น้ำฝน)


“When economic downturn is still, always still tons of theives yet it can be protected by not take care recklessly”
“More scary thing than theives is “Gambling” if it is addicted to anyone, no one can help.”
( ทิชา สุทธิธรรม )
Twitter@Ticha4tv
***************************************



: “มั่น” แค่ไหน จะใช้ทวิตเตอร์

สยามรัฐ 19 ส.ค. 2552

หวังว่าคงจะยังไม่ “ล่า” จนเกินไปที่จะคุยถึงวิธีการสื่อสารยุคใหม่บนโลกไซเบอร์ Social Network ที่เรียกกันว่า Twitter ที่เหล่าคนดังทั้งระดับประเทศและระดับโลกต่างลงมาใช้ช่องทางนี้ สร้างประโยชน์ทั้งทางชื่อเสียง ชีวิตและธุรกิจ ตั้งแต่ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ของสหรัฐ แลร์รี่ คิงซ์ คนข่าวระดับโลก ซูเปอร์สตาร์ชื่อดัง หรือแม้แต่นักการเมืองดังบ้านเราอย่างท่าน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ , รัฐมนตรีคลัง กรณ์ จาติกวณิช , รองนายกฯ กอบศักดิ์, รมต. ประจำสำนักนายก สาธิต วงศ์หนองเตย เหล่า “เซเลป” เมืองไทย และนักการตลาดขั้นเซียน ธันยวัชย์ ไชยตระกูลชัย

แต่ทุกอย่างล้วนมาจากต่างจิตต่างใจ (นานาจิตตัง) คนบางคนเล่นเพราะมีเหตุผลที่จะเล่น เช่น นักการเมืองเล่นเพื่อให้ประชาชนรู้สึกใกล้และง่ายที่จะเข้าถึง ดาราเล่น เพื่อสร้างแฟนคลับ นักข่าวเล่น เพื่อบอกสาระภูมิความรู้ด้านการข่าว คนธรรมดาเล่น เพื่อหาเพื่อน เจ้าของรายการเล่น เพื่อรักษากลุ่มผู้ชม นักการตลาดเล่น เพื่อธำรงองค์ความรู้ที่จะบอกเล่ากับคน (ประโยชน์มีไว้ให้หวังและสร้างเสริม)

บทเรียนที่ดีมากอย่างหนึ่ง คือ การเล่น Social Network ต้องรู้จักรักษาระยะห่างและวางตัวตนในจุดที่ไม่ทำให้คนอื่น เข้าใจผิด มีคนธรรมดาจำนวนไม่น้อยที่อยากจะเข้าถึงคนที่ไม่ธรรมดา เพราะฉะนั้นถ้าต้องการความเป็นส่วนตัว (สันโดษ) ก็ไม่ควรเล่น

อย่าลืมว่า ชีวิตคนทำงานโดยปกติ คงไม่ได้มีเวลา เข้าเน็ต หรืออยู่หน้าคอมฯ ทั้งวัน ต่อให้เป็น แบล็คเบอรี่หรือมือถืออินเตอร์เน็ต 24 ชั่วโมง เองก็ตามเถอะ จะมีก็แต่คนบางกลุ่มที่หลงไหลและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไซเบอร์ ที่สามารถนั่งโต้ตอบได้ทั้งวัน หรือถ้าตีความให้ลึกและชัดกว่านั้น โลกไซเบอร์อาจจะให้สังคมใหม่ กับคนที่ไม่ค่อยมีสังคม แต่จะเป็นสังคมที่ควรเชื่อถือ หลงไหลหรือไว้วางใจได้หรือไม่จะเป็นแค่กระแส หรือถาวรตลอดไป ไม่ขอตอบ เพราะ เป็นเหตุผลและประสบการณ์ตรง (ส่วนบุคคล) จริงๆ ไม่ต้องการอย่างยิ่งที่จะถูกให้น้ำหนัก จนไป “หัก” ใครๆ ที่พิศมัยใน Twitter
(ทิชา สุทธิธรรม : Twitter@Ticha4tv)
**************************************

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วาตภัย ไม่ร้ายเท่าลมปาก

สยามรัฐ 18 ส.ค. 2552

เรื่องของ วาตภัยหรือลมพายุ ถึงจะมีความร้ายแรงเพียงใด เมื่อมีขึ้นก็จะหยุดลงได้ตามธรรมชาติ

แต่มีลมบางสิ่งน่ากลัวและอันตรายยิ่งกว่า เพราะถึงแม้ลมจะพัดพาของมีค่าของเราไปได้ แต่ลมปากที่พูด
ออกมานันเป็นคำพูดที่ออกมาจากใจ จะพูดให้ดีก็ได้ จะพูดให้ร้ายก็ได้เช่นกัน คำพูดที่เกิดจากลมปากอาจทำลายโลกทั้งโลกให้วอดวายได้ด้ายลมปากไม่กี่ประโยค
(พระครูปลัดสิทธิวัฒน์: หลวงพี่น้ำฝน)


“Storm is a perfect scaring which is not supposed to occur people scream and run for lives.”
But when it happens, it has to stop by the rule of nature.
“There is another perfect storm from WORDS, words can affect both positive and negative side..and
a few Words can even destroy the whole world!!”
( ทิชา สุทธิธรรม )
Twitter@Ticha4tv
***************************************

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

“ที่” ของเรา แต่เขาก็ “ลัก” (ขโมย)

สยามรัฐ 14 ส.ค. 2552

กระแสแห่งความเป็นห่วง “ชีวิตชาวนา” กำลังเป็นที่พูดถึง เมื่อนายกสมาคมชาวนาไทย ออกมาเปิดเผย พร้อมหอบเอกสารแฟ้มบะเร้อมาให้กับกรมสอบสวนคีดพิเศษ (DSI) เพื่อนั่งยัน – นอนยันว่า เรื่องนี้มี “ยิ่งกว่ามูล”

ทั้งซาอุดิอาระเบีย ไต้หวัน เลบานอน และประเทศโลกตะวันออก ที่ “เงินเยอะ” และเริ่ม “คิดเยอะ” ว่า ถ้าต่อไปมีแต่เงิน + น้ำมัน แต่หา ข้าว หา พืช กินไม่ได้ คงลำบาก เลยกระเถิบมากว้านซื้อที่ดิน แถวประเทศกำลังพัฒนา

พี่ “ไทย” เราก็รวมด้วยว่า แถว สุพรรณบุรี อยุธยา ฉะเชิงเทรา กำแพงเพชร ก็ถูกกว้านไปมาก พวกต่างชาติจะเจรจาขอซื้อที่ดิน เสร็จแล้วก็จะว่าจ้างชาวนาเหล่านี้ “ทำนา” บางคนถูกจ้างไร่ละเป็นหมื่น ต่างชาติขอเสียเงินเพียงส่วนน้อย เพราะต้องการ “สอย” ผืนนาเงินน้อยต่อไปเรื่อยๆ ใช้วิธีฉลาด (แกมโกง) แบบ “นอมินี” ชาวนาที่มี “ที่” เลยไม่มีปากเสียง

นอกจากชาวนาจะไม่กล้าเอื้อนเอ่ยอะไรแล้ว ยังต้องก้มหน้าก้มตา ทำนา ให้ฝรั่งกันต่อไป คงมีเหตุผลอะไรที่ดีพอให้ ให้ “คิด” แต่บังเอิญ ที่ผู้เขียนไม่เข้าใจและหาไม่เจอ

มามองต่อถึงขั้นตอนที่ภาครัฐต้อง “ลงดาบ” ดาบอาจจะทื่อ หรือถูกมือดีหัก หรืออย่างไร สุดแท้แต่ ปัญหาที่นาถูก “งาบ” ไม่ได้ต้อง “คำสาป” ถึงขั้นแก้ไม่ได้ ปัญหามีอยู่ว่า ต้องกล้าแตะและชะล้าง พ.ร.บ. การประกอบกิจการ คนต่างด้าว และ ประมวลกฎหมายที่ดิน!!

พูดแทงใจดำแบบนี้ ผู้หลักผู้ใหญ่แทบแดดิ้น เพราะถ้าลงมือแก้กฎหมายที่ว่า ต่างชาติเค้าคงไม่ “ชิน” และ “บิน” เตลิดไม่กล้ามาลงทุน เจรจาต๊าอ้วย step ต่อไป อาจจะ “ม๊วย” ถาวร เพราะฝรั่ง “ถอนเรียบ” เสียบลงทุนข้างบ้าน แทน !! เศร้าสุดแสนซับซ้อนและซ่อนปม !!

(ทิชา สุทธิธรรม : Twitter@Ticha4tv)
**************************************

กตัญญู ผู้มีคุณ

สยามรัฐ 13 ส.ค. 2552

“กตัญญู รู้คุณท่าน เป็นฐานราก
มีค่ามาก กว่าทุกสิ่ง อย่าทิ้งขว้าง
ทำให้คน ได้เป็นคน ค้นพบทาง
ช่วยสรรค์สร้าง มรรคผล เป็นคนดี”
(พระครูปลัดสิทธิวัฒน์: หลวงพี่น้ำฝน)


“Be grateful to whom that is kind to you,
Never ignore their feeling,
this is considered to be the one thing
that will lead you to the right way.”
( ทิชา สุทธิธรรม )
Twitter@Ticha4tv
***************************************

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

: จะบินสูง ต้องจูงใจ

สยามรัฐ 12 ส.ค. 2552

สถานการณ์โลกมันกลับตาลปัตรดีนะค่ะช่วงนี้ น้ำมันที่เคย 40 เหรียญก็ไปไกลถึง 70 เหรียญ จนต้องลดการส่งเงินสมทบกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกันลงไป เพราะถ้าไม่คนไทยจะ “เคือง” เอา

แม้แต่ธุรกิจสายการบินก็แบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ เช่น สายการบินยักษ์ใหญ่อย่าง บริติช แอร์เวย์ส จากอังกฤษ หรือ คาร์เธ่ย์ แปซิฟิค จากฮ่องกง กำลังหน้ามืด ขาดทุน ทั้งจากน้ำมันแพง และผู้โดยสารหด (ก็แน่ละ....ไหนคนจะผวากับหวัดใหญ่ 2009 อีก)

แต่สิ่งที่พลิก คือ สายการบินโลว์คอสต์ ทั้งหลายกลับเบ่งบานทั้งผู้โดยสารและกำไร อย่าง แอร์เอเชีย มาเลเซีย (ใหญ่ที่สุดในเอเชีย) ทำกำไร ไตรมาสแรก ปี52 ไป 56.4 ล้านเหรียญ (1,974 ล้านบาท) ผู้โดยสารเพิ่มมา 3 ล้านคน รวมถึงยังสั่งซื้อเครื่องบินเพื่มด้วย

ไทเกอร์แอร์เวย์ส สิงคโปร์ สั่งซื้อเพิ่มอีก 56 ลำ
ไรอันแอร์ โลว่คอสต์แอร์ไลน์ ของยุโรป ก็กำไรเป็นกว่าหมื่นล้านบาทซื้อเครื่องเพิ่มอีก 300 ลำ
หรือหน้าใหม่ สายการบินฟลาย ดูไบ ในเครือเอมิเรตส์ ก็สั่งซื้อโบอิ้ง 737 ไป 50 ลำ

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา : โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน สิ่งที่เคยรุ่งกลับร่วง เคยร่วง กลับมีแววกลับมารุ่ง ล้อกันไปตามเหตุและปัจจัย ที่พอวิกฤตเศรษฐกิจ การใช้ชีวิตก็ต้อง ดิ้น หนีตานย ถ้าฉวยเอา “โอกาส” ในวิกฤตมาทำกำไร มันก็จะใส่ “กลยุทธ์” (เสริฟอาหาร จำหน่ายสินค้าปลอดภาษี) เพื่อฉุดเม็ดเงินกลับ จงพึงสดัและจับยามสามตา!! เดี๋ยวนี้หมดยุค คนไทย “ตาพร่า” อยากบินได้อย่างสูงสง่า ราคาต้องจูงใจ !!

(ทิชา สุทธิธรรม : Twitter@Ticha4tv)
**************************************

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กตัญญูผู้ให้กำเนิด

สยามรัฐ 11 ส.ค. 2552

“กตัญญู ต่อผู้ได้ ให้กำเนิด
จักประเสริฐ ยิ่งนัก เสริมศักดิ์ศรี
ตอบแทนท่าน ที่กล่อมเกลี้ยง เลี้ยงชีวี
พระคุณนี้ มีแต่ปลืม ยากลืมเลือน”
(พระครูปลัดสิทธิวัฒน์: หลวงพี่น้ำฝน)


“Be grateful to whom that give you birth,
is the key of the good one with dignity,
Do return her kindness that raised and brought you up.
Because this always impressed and unforgetable.”
( ทิชา สุทธิธรรม )
Twitter@Ticha4tv
***************************************

ทางใคร..ทางเขา

สยามรัฐ 10 ส.ค. 2552

ขอไม่พูดถึงเศรษฐกิจสัก 1 วัน เพราะนี่ก็ใกล้วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม เข้ามาทุกขณะ กระแสของครอบครัวอบอุ่น กำลังมาแรง (ซึ่งก็เป็นเรื่องดี)

ในขณะที่ข่าวครึกโครมของผู้นำคนปัจจุบันในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอิตาลี่ ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ กลับจุดกระแส “หลังบ้าน ที่ไม่แท้” ขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนก็มีข่าว “ปูด” ว่า พ่อพวงมาลัยแบร์ลุสโคนีดอดไปร่วมงานวันเกิด “สาวสวย” คราวลูก “โนเอมี เลติเซีย” ที่มีดีกรีเป็นถึงนางแบบ “วัยกระเตาะ” อายุ 18 ปี (สาวสะพรั่งไม่ใช่น้อย) ย่อมกระตุกต่อมกิเลสเป็นธรรมดา (ขันธ์5 : รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ) “รูปขันธ์” นั้น “เธอสวยแน่” แต่กิเลสด้านอื่น แหะๆ ก็ไม่แน่ใจค่ะว่า “กินรวบ” ข้อไหนไปแล้วบ้าง?

แต่จะว่าไป จะไปโทษนายกฯ ผู้นี้ ก็จะดูเหมือน “ไร้เหตุผล” ไปหน่อย เพราะอย่างไรเสีย “he” ก็ “just single” เพิ่ง “โสด” เพราะเพิ่งหย่ามากับ “เวโรนิกา” ภรรยาคนล่าสุด แต่ที่แน่ๆลูกสาวนายก ออกอาการ “เซ็ง” สุดๆ ในความประพฤติของ “ผู้พ่อ” ซึ่งเธอบอกว่าไม่ค่อยให้ความรักเธอเท่าไหร่ เค้ามีแต่ “เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ” แต่นี่ “น้ำข้นคลั่กกว่าเลือด” ค่ะ ผู้อ่าน!! นั่นคือทางแวที่ท่านเลือกและยืดอกว่า “พ้ม..ไม่ผิด”!!

วันก่อนแว่ปไปอ่านเจอ ข่าว “ซ่อง” เยอรมนี จะให้ส่วนลดกับคนที่ปั่นจักรยาน หรือใช้บริการรถขนส่งมวลชล ถ้ามาเป็นลูกค้าของ “ซ่อง” (Brothel) จะได้ส่วนลดถึง 5 ยูโร (240 บาท) จากปกติ ครั้งละ 70 ยูโร (3,360 บาท) แพงไปมั้ยเนี่ยะ! กับการใช้บริการได้ครั้งละ 45 นาที เยอรมนีถือเป็นไม่กี่ประเทศในโลกที่ยอมรับว่า “การขยายบริการโสเภณี” เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย เพราะมีถึง 400,000 คนในประเทศ แถมได้รับอนุญาติให้ทำสัญญาการจ้างงานอย่างเป็นทางการซะด้วย อุตสาหกรรมระดับประเทศที่ “ร้อนเร่า – เศร้าจาง” ....ทางใครทางเขา...เราไม่ว่ากัน ค่ะน้องพี่!!

(ทิชา สุทธิธรรม : Twitter@Ticha4tv)
**************************************

วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2552

: รอน้ำมันถูกลง....คงยาก

สยามรัฐ 7 ส.ค. 2552

น่าแปลกที่น้ำมันในตลาดโลกตอนนี้กลับวกเป็นขึ้นอีกครั้ง จะด้วยการเก็งกำไรหรือด้วยภาวะเศรษฐกิจจริงก็สุดแท้แต่ (สังสารวัฏ เวียนวนบนวิถีทาง) มันประหลาดตรงนี้ค่ะ

เวลาน้ำมันราคาลง ซึ่งพวกเราชอบมากกว่าขึ้น ผู้คนก็จะตีความว่า ตอนนี้ปริมาณน้ำมันเหลือค้างสต็อกโลกมาก คนซื้อน้อยลง แปลว่า ขับรถกันน้อยลงคงจะมีเงินในกระเป๋าหดน้อยลง แปลว่า เศรษฐกิจไม่ดีจริงมั้ง เศรษฐกิจฝันต้องยังแย่อยู่แน่ๆ เลย ซึ่งมันก็มีเหตุผลที่ถูกมากกว่าผิดที่จะทำให้คิดได้

แต่พอเวลาน้ำมันแพงขึ้น คนก็จะตีความว่า “สต็อกน้ำมันโลก มันคงเหลือน้อยลง เพราะคนใช้กันมากขึ้น ใช้เงินซื้อน้ำมันกันมากขึ้น ล้อกันไปทั้งโลกแบบนี้ ส่งสัญญาว่าเศรษฐกิจมันเริ่มฟื้น” ซึ่งก็ไม่มีอะไรผิด

แต่ประเด็นมันก็ คือ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเวลาน้ำมันแพง มันสะท้อนเศรษฐกิจที่เริ่มดี แต่คนก็ไม่อยากให้แพง แถมเหตุผลพ่วงไปด้วยว่าน้ำมัน ที่แพงขึ้น กลับจะยิ่งเป็นต้นเหตุค่าขนส่งในประเทศเราให้มันบานปลายมากขึ้น ก็จะยิ่งเป็นอุปสรรคกับการพัฒนาเศรษฐกิจขึ้นไปอีก

แล้วจะเอายังไงกันดี ตอบไม่ได่ค่ะ เพราะ “ตลาดโลก” ที่ไม่ได้เป็นหน่วยงาน จับต้องได้ แต่ทว่าเป็นตลาดที่สะท้อนการใช้ที่แท้จริงที่สุดเป็นผู้กำหนด (ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย)

แต่ฟังทางนี้ น้องพี่ทั้งหลาย ถ้ามันแพงก็คงต้องตั้งรับ เพราะเกินอำนาจอย่างเราๆ ไปจัดการ แต่เอ...รัฐบาลล่ะ ยังมีอยู่ 2 ขั้นนะ ที่พอจะผ่อนคลายได้

1) จะลดภาษีน้ำมันลงให้บ้างได้มั้ย เพราะราคาน้ำมันเริ่มเป็นภาระคน
2) จะ “ลด” เก็บเงินสะสมเข้ากองทุนน้ำมันลงได้สักนิดหน่อยมั้ย
ไหนๆ ก็ จ่ายค่าน้ำมันเพิ่มกันไปแล้ว

คำตอบ คือ “รอ” ค่ะ คุณกรณ์บอกรอให้ดีเซล 30 บาท ค่อยคิด (ตอนนี้เกิน 29 บาท/ลิตร) สวน “กองทุน” บอกไม่ได้นะ not now ฉันต้องเก็บเข้ากองทุนต่อ เผื่อฉุกเฉิน และชดเชยขาดทุน LPG น้องพี่ค่ะ ไม่ให้ทำร้ายใจกัน แต่อย่า “ฝัน” กันให้มากนาทีนี้ค่ะ

(ทิชา สุทธิธรรม : Twitter@Ticha4tv)
**************************************

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552

“อุทกภัย” ไม่ร้ายเท่า “ภัยสุรา”

สยามรัฐ 6 ส.ค. 2552

“น้ำ ที่ให้ชีวิต บางครั้ง ถูกธรรมชาติ เปลี่ยนให้มีทั้งคุณและโทษ”
“น้ำที่เป็นโทษอันเกิดจากภัยธรรมชาติพวกเราเรียกมันว่า “อุทกภัย” ภัยที่เกิดจากน้ำ
“แต่ที่น่ากลัวกว่า คือ น้ำสุรา ที่ใครก็ตามถ้าได้กิน ย่อมทำให้ขาดสติ
เห็นผิดเป็นชอบ.....เหล้า คือ น้ำเปลี่ยนนิสัย รสก็ขม แต่คนชอบกิน”
(พระครูปลัดสิทธิวัฒน์: หลวงพี่น้ำฝน)


“Water give us life …yet sometimes was naturally changed
to affect both good and bad side.
“Disaster from water called flood…yet, it was terrible
But what is worse than flood is Beverage , why?
Because it changes human behavior and sub – constion though it tastes bitter,
yet it is the favorite.”
( ทิชา สุทธิธรรม : Twitter@Ticha4tv )

***************************************

“บาท” แข็ง แจงด้วยเหตุ – ปัจจัย

สยามรัฐ 5 ส.ค. 2552

ทุกวันนี้ ดูเหมือนปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่าเกินกว่าที่ควรจะเป็นกลับมาอีกครั้งปรับตัวทันกันมั้ยค่ะ คุณผู้อ่าน ต้นปีบาทอ่อน กลางปีบาทแข็ง ผู้ส่งออก บ่น กัน ระงม เพราะของๆ เราดูแพงในสายตาเมืองนอก คำสั่งซื้อก็เลยหด คนส่งออกเลยยอดตก อย่างที่เห็น ลองอธิบายดู เผื่อบางท่านจะได้มองภาพได้ออกมากขึ้น

เงินบาทจะอ่อนจะแข็ง มันมีเหตุผลเกี่ยวข้องกับการซื้อ และขายเงินบาท คนที่ขายเงินบาท คือ คนไทยที่ไปลงทุน เล่นหุ้น ฝากตังค์ที่เมืองนอก หรือ เป็นพวกต่างชาติที่มาลงทุน ต้อง “ขายบาท” เพื่อแลกซื้อเป็นดอลล่าร์ เอากลับประเทศเค้า

ซึ่งถ้าเงิน “ออก” นอกประเทศมากกว่า “เข้า” “บาท” ก็จะอ่อน แต่ตอนนี้บาทแข็ง 33.90 บาท ต่อดอลล่าร์ ก็แปลว่ากระแส “เงิน” ที่มาจากฝรั่งต่างชาติ ทั้งมาซื้อสินค้าและบริการ มาเล่นหุ้นมัน “เข้า” ประเทศมากว่า “ออก” พวกนี้แหละที่จะต้อง “ขาย” ดอลล่าร์ แล้วซื้อ “บาท” กลับเพื่อเอามาใช้ลงทุนในบ้านเรา

“บาท” ก็เลยแข็งโป๊ก กว่าที่ควรจะเป็น จน ดร.โกร่ง วีรพงษ์ รามางกูร ออกอาการเซ็ง ออกมาเฉ่งแบงค์ชาติอย่างที่เห็น

ในความเป็นจริง ไอ้อาการที่เงินเข้าประเทศมันก็ดีอยู่หรอก ถ้ามันเข้ามาแล้วอยู่ “ยาวๆ” ลงทุนเป็นจริงเป็นจัง แบบ Foreign Direct Investmen: ลงทุนโดยตรง ไม่ใช่พวก เงินร้อนแบบ “Hot Money” ที่เข้าๆ ออกๆ ให้ตลาดเงิน ตลาดทุน “วิตตก” เมื่อเทขายฟันกำไร แล้วดึงเงินกลับบ้านเก่า ซึ่งในทาง “พุทธ” นี่คงเข้าข่าย “คิดคด” และ “ฉ้อโกง” อย่างไม่ต้องสงสัย

อย่างไรเสียบ้านเรายังต้องการทุน จะหวังแค่การกระตุ้นจากเอกชนก็คงไม่พอ เพราะเอกชนยังใจไม่กล้า อยากเห็นรัฐบาลลงทุนให้ดูเป็นขวัญตาก่อน ว่าแต่ ตอนนี้รัฐบาลก็ยังไม่แน่ใจตัวเองเลยว่า เงินที่กู้มา 800,000 ล้าน จะเอาไปกระตุ้นส่วนไหน นอกจากชดเชยคลังที่ขาดดุล อย่างลนยังลุ้นไม่เห็นเลย เฮ้อ.. ปัญหามีให้แก้ก็แก้ไป (นิโรธ : หนทางสู่การแก้ปัญหา)

(ทิชา สุทธิธรรม : Twitter@Ticha4tv)
**************************************

วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552

“ไฟ” ฤาจะสู้ “ไฟในใจ”

สยามรัฐ 4 ส.ค. 2552

อัคคีภัย สามารถสร้างความสูญเสียให้ แก่ทรัพย์สินและชีวิตร่างกายให้ต้อง “วอดวาย” ได้อย่างต่อเนื่องฉับพลัน”

“แต่ถ้ามองให้ลึกอีกแง่มุมหนึ่ง ที่ต้องมองให้ไกล มองให้ถึงแก่นแท้ของความจริงในชีวิตมนุษย์ อัคคีภัยอันเกิดจากไฟ ถึงอยางไรก็สู้ไฟในใจคนไม่ได้”

“เพราะไฟที่สุมภายในใจคน ร้อนแรงและเป็นอันตรายมากกว่า ถ้าเกิดขึ้นกับใคร ย่อมทำลายได้ทุกสิ่งที่มีอยู่ในโลกใบนี้”

“ไฟในใจคน คือ โลภ โกรธ หลง นั่นเอง”
(พระครูปลัดสิทธิวัฒน์: หลวงพี่น้ำฝน)


“It is right that FIRE can burn up all life and assets…..
In another words, when you look through real life….
Danger of fire cannot be compared to Danger of mind.
Fire – in – mind which are Greedy, Angry and Fool..can
destroy the whole world.”
( ทิชา สุทธิธรรม : Twitter@Ticha4tv )


***************************************

“ข้าว” งานเข้า !!

สยามรัฐ 3 ส.ค. 2552

โชคดีไปที่พี่น้องคนไทยไม่ต้องมาจ่ายค่าข้าวสารบรรจุถุงเพิ่มกันอีกคนละ 15-20 บาทต่อถุงค่ะ เพราะทางกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้เรียกผู้ประกอบการข้าวถุงไป “กล่อม” เอ๊ย.. ไปคุยเจรจาว่า ช่วยทนแบบภาระราคาเท่านี้ไปอีกสัก 2 เดือนได้รึเปล่า (ขันติ : อดทน อดกลั้น)

จะทำยังไงด้าย....ก็ต้องยอมกันล่ะค่ะพี่น้อง บ่นกันแทบเป็นแทบตายว่า ก็เพราะรัฐบาลนั่นแหล่ะ สต็อกข้าวไว้เยอะ แล้วไม่ค่อยยอมระบายออกมาทำให้เอกชนขาดแคลนข้าวที่จะไปบรรจุถุงขาย แค่นี้คนขายข้าวถุง (ซึ่งก็มีอันจะกินกันอยู่) ก็กลัวกันไปดอกนึงแล้ว !!

อีกดอกนึง เห็นจะเป็นการ “กริ่งเกรง” บรรดาเจ้าของ “ห้าง” ที่ข้าวบรรจุถุงทั้งหลายไปเสียเงินเพื่อให้วางขายได้ ว่ากลัวจะทำสินค้าแบบ “House Brand” ออกมาประมาณว่าคุณภาพ same same แต่ราคาถูกกว่า เดี๋ยวจะเสียลูกค้าที่แสนภักดีไปแบบไม่มีวันกลับ

ทีนี้ก็มีข้อมูลบางอย่างน่าสนใจว่า เหตุใด “ข้าวถุง” มันจึงมีแนวโน้มว่าจะ “ขึ้นราคา” ได้อีกไม่ยากเย็นในอนาคตอันใกล้ เรื่องมีอยู่ว่าตอนนี้ค่าธรรมเนียมวางขายสินค้าในห้างก็ปรับขึ้นจาก 500,000 บาท เป็น 1,000,000 บาท ต่อ สินค้า 1 ชิ้น, ค่าโฆษณาแผ่นพับก็เพิ่มขึ้นหลักแสน, ค่าธรรมเนียมที่หักจากกำไรก็ถูกเก็บเพิ่มจาก 2% เป็น 5-10% ไหนจะบอกส่วนต่างโดยไม่มีเหตุผลกันได้แบบลอยลมกันอีกสัก 2-3%

สรุป คือ “ข้าว” มีโอกาสแพงขึ้นทุกเมื่อค่ะพี่น้อง (อนิจจัง : ความไม่แน่นอนเที่ยงแท้)

วกกลับมาที่นโยบาย ของกรมการค้าภายในที่คนกิน – คนซื้อข้าวชอบใจแต่ผู้รู้จริงเรื่องข่าวทั้งหลายส่วยหัว ยื้อการขึ้นราคาข้าวถุงไป 2 เดือน แล้วค่อยคุยกันใหม่ อาจไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่ซื้อเวลาให้คนเลิกบ่น ปัญญาจริงๆ ต้อง “กางดู” เพราะมีผู้เกี่ยวข้องหลายส่วนมีผลประโยชน์ อีกมากที่ขัดกันเอง ชัดเจนเมื่อไรจะพยายามแถลงไขให้ฟังค่ะ

(Twitter@Ticha4tv)
-ทิชา สุทธิธรรม-
**************************************