เรื่องของข้าราชการกลุ่มเล็กๆ ที่หลายคนอาจมองว่าไกลตัวจากปัญหาปากท้อง แต่อาจจะเป็นประเด็นที่มีอิทธิพลมากอย่างคาดไม่ถึง นั่นคือ การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของข้าราชการกระทรวงการคลังครั้งใหญ่ ลองวิเคราะห์ดูกันค่ะว่า คนที่จัด วางถูกคน – ถูกงาน หรือไม่ (เหตุและผล : ถูกคน – ถูกงาน – บริหารคล่อง)
พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ขยับจาก ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ มาเป็น อธิบดีกรมบัญชีกลาง ซึ่งจะดูแลการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งไม่ให้ติดขัด (เอาคนชงกู้เงิน มาอนุมัติจ่ายเงิน) ซึ่งแยบยลยิ่งนัก ท่าน รมต.คลัง (ปัญญา = ปรีชาหยั่งรู้เหตุผล)
อารีพงษ์ ภู่ชอุ่ม จาก ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ มาเป็น อธิบดีกรมสรรพสามิต ซึ่งมีฝีมือและมีศิลปะเจรจา ต้องมาดูแลการเก็บภาษีที่เกี่ยวกับประชาชน ไม่ว่าจะเป็น ยานยนต์ สุรา รถ แอร์ โทรคมนาคม ซึ่งท้าทายเอาการอยู่
สมชัย สัจจพงษ์ จาก ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเดิม มาเป็น อธิบดีกรมศุลกากร ซึ่งจะดูแลด้านการภาษีนำเข้า – ส่งออก การประมูลให้เรียบร้อย แต่ประเด็นคือ เป็นตัวของตัวเองสูง และ อาจจะคนละแนวทางกับ รมช. คลังบางท่าน
สาธิต รังคสิริ จาก รองปลัดกระทรวงการคลัง ด้านจัดการรายได้ มาเป็น ผอ. สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ที่จะต้องทำงานกันอย่างใกล้ชิด สนิทแนบกับกระทรวงการคลังอย่างมากๆ
ข้อมูลพอสังเขปเหล่านี้ ยกความดีให้อย่างเป็นกลางว่า เท่าที่ดู “มีการเมืองแทรกน้อย” หรือ “อาจจะพอมี” แต่ “สกัดทัน” รมต. กรณ์ ต้องยอมรับ อย่างว่า ผิดใจกันบ้างกับคนในใจที่พรรคร่วมรัฐบาลช่วยกัน “ดัน” แต่ดัน “หลุด” แต่งานของ คุณกรณ์ อาจจะง่ายขึ้น เข้าตำรา “ชงเอง – เลี้ยงเอง – ส่งเอง” ถ้าไม่ตุงตาข่าย ก็แปลว่า ศักยภาพคนลงแข่ง “ไม่แกร่ง” หรือไม่ก็คนกันเอง เลื่อย (ขา) กันแรง ประชาชนจะ “ชม” หรือ “แช่ง” ให้งานแจกแจงสัก 3 เดือน ก็รู้
(ทิชา สุทธิธรรม)
**************************************