วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2552

ปัญญาในมุมกลับ: ทรัพย์จาง

สยามรัฐ 18 มี.ค. 2552

สัปดาห์ที่ผ่านมาผู้อ่านหลายท่านคงจะได้เห็นจุดจบของ กลลวงการลงทุนระดับโลก ของ เบอร์นาร์ด แมดอฟท์ อดีตผู้บริหารตลาดหุ้นแนสแด็ก ว่าตัวเขายอมรับสารภาพผิดในทุกข้อกล่าวหาไม่ว่าจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ให้การเท็จ หรือ ข้อหาฟอกเงิน ซึ่งสร้างความดีใจ หรือ อาจออกแนว “สาแก่ใจ” ให้กับนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่ต้องตกเป็นเหยื่อกลลวงของเขา

ลักษณะกองทุนแชร์ลูกโซ่ที่ว่านี้ก็จะทำการหลอกลวงผู้ลงทุนให้สนใจและตาโตกับผลกำไรก้อนใหญ่ที่จะตามมา เงินต้นของลูกค้ารายใหม่ๆ จะกลายไปเป็นเงินปันผลให้กับลูกค้ารายเก่าๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความไว้วางใจ โดยที่ลูกค้ารายใหม่ๆ ยังไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว แถมยังอุตส่าห์ช่วยกระจายข่าว (Words of Mouth) ด้วยความหวัง เลยทำให้ยิ่งดึงผู้หลงผิดให้เข้ามาติดกับนักลงทุนรายนี้มากขึ้นทุกวันๆ

อันที่จริง เบอร์นาร์ด แมดอฟท์ อาจจะดูเป็นคนที่ทำกรรมดีมาไม่น้อยเห็นได้จากชื่อเสียงในความชำนาญการลงทุน และ “ปัญญา” ที่ดูจะมาเหนือคนอื่น แต่ไม่ได้ “ยืน” บนความถูกต้อง ด้วยความที่ “ฉลาดล้ำ” ก็จะเจาะเข้าไปตีสนิท กลุ่มคนชั้นสูงในสังคม ดึงคนมาร่วมด้วย “น้ำใสใจจริง” และยึด “กัลยาณมิตร” (ความเป็นมิตรที่ดี) เป็นที่ตั้ง แต่จะต้องเป็น “มิตร” ที่พร้อมจะฟังเขา ไม่ฉลาดกว่าเขาหรือหัวแข็ง คล้อยตามยาก (คนที่เชื่อใน “อัตตา” : ความเป็นตัวตนก็ยังพอมีอยู่บ้าง)

สิ่งที่น่าสังเกตและเป็นความจริงเสมอ “คนทำชั่วย่อมถูกตามทันด้วยกรรมชั่ว” ไม่ช้าก็เร็ว จุดจบของการใช้ “เงินต่อเงิน” คนที่ “โชคร้าย” ที่สุดก็คือผู้ลงทุนรายใหม่ๆ ซึ่งเมื่อข้อต่อขาดเงินหมุนไม่ครบรอบ “แชร์ลูกโซ่” ก็จะลืมเป็นสัจธรรม

“โลภนักมักลาภหาย” สิ่งที่ควรได้ก็ไม่ควรได้ เรา “ชาวพุทธ” ควรทำตามมีตามเกิด ยินดีตามได้ บุคคลได้สิ่งใด ควรยินดีด้วยในสิ่งนั้น เพราะความโลภเกินประมาณจะทำให้ตัวเองไม่ได้อะไรเลย เพราะแมดอฟท์ อาจติดคุกจนถึงอายุ 220 ปี สบายไปทั้งชาติจริงๆ !!!

-ทิชา สุทธิธรรม-
***************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น